ด้วยการบีบเย็น (Cold Pressed)
ใช้สำหรับสกัดน้ำมันจากผิวพืชตระกูลส้ม เช่น ส้ม มะกรูด และเลมอน วัตถุดิบจะถูกบีบด้วยแท่นไฮดรอลิกเพื่อดึงน้ำมันออกมา โดยไม่มีความร้อนเกิดขึ้น ทำให้คงคุณสมบัติกลิ่นของน้ำมันได้ดี น้ำมันที่ได้จากวิธีนี้มักมีสารประกอบบางอย่าง เช่น Furanocoumarins ซึ่งอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวเมื่อสัมผัสแสงแดด ดังนั้น น้ำมันบางชนิด เช่น น้ำมันเบอร์กามอท อาจต้องผ่านการกลั่นซ้ำเพื่อลดสารเหล่านี้ วิธีนี้เหมาะสำหรับการใช้น้ำมันในเวลากลางคืนหรือในพื้นที่ที่ไม่มีแสงแดด.
การสกัดด้วยตัวทำละลาย (Solvent Extraction)
เหมาะสำหรับดอกไม้หรือพืชที่บอบบาง เช่น กุหลาบ มะลิ และดอกบัว ซึ่งไม่สามารถทนความร้อนจากการกลั่นด้วยไอน้ำได้ วัตถุดิบจะถูกผสมกับตัวทำละลายที่ดึงสารหอมออกมา หลังจากนั้นจะผ่านกระบวนการกรองและแยกสาร ทำให้ได้ "Absolute" ซึ่งมีกลิ่นที่ใกล้เคียงธรรมชาติมาก แต่ข้อเสียคืออาจมีสารตกค้างจากตัวทำละลาย น้ำมันชนิดนี้จึงเหมาะสำหรับการทำน้ำหอมมากกว่าการใช้ในด้านการบำบัด.
การสกัดด้วยคาร์บอนไดออกไซด์เหลว (SFE-CO2)
เทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ผสมผสานข้อดีของการกลั่นด้วยไอน้ำและการใช้ตัวทำละลาย น้ำมันที่ได้มีความบริสุทธิ์สูงและกลิ่นใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุด กระบวนการเริ่มจากการใช้คาร์บอนไดออกไซด์ในสถานะของเหลวที่มีความดันสูง ดึงสารหอมออกจากวัตถุดิบ และเมื่อความดันลดลง คาร์บอนไดออกไซด์จะระเหยออก เหลือแต่น้ำมันหอมบริสุทธิ์ วิธีนี้เหมาะสำหรับวัตถุดิบที่มีราคาสูง เช่น ดอกมะลิหรือเมลิซซา.
วิธีการอื่น ๆนอกจากวิธีที่กล่าวมา ยังมีการสกัดน้ำมันหอมระเหยอีกหลายรูปแบบ เช่น
Hydro Distillation: การต้มวัตถุดิบในน้ำเดือด
Enfleurage: การดึงกลิ่นจากดอกไม้สดโดยใช้ไขมัน
Maceration: การแช่ในน้ำมันหรือไขมันเพื่อสกัดสาร
Phytonic: การใช้ตัวทำละลายใหม่ที่มีความปลอดภัยสูง
วิธีเหล่านี้อาจไม่แพร่หลายเนื่องจากข้อจำกัดด้านต้นทุนหรือคุณภาพที่ต่ำกว่าวิธีหลัก แต่บางวิธียังคงใช้งานในอุตสาหกรรมเฉพาะด้าน.
Khirivana เน้นวิธีการที่ได้ผลลัพธ์บริสุทธิ์ ปลอดภัย และรักษากลิ่นธรรมชาติ เพื่อมอบคุณภาพสูงสุดแก่ลูกค้า.